Share

การวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง (Filter bag)

Last updated: 29 Jul 2025
357 Views

การวิเคราะห์ปริมาณไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง (filter bag) เป็นวิธีการที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเพื่อสกัดและวัดปริมาณไขมันในตัวอย่างอาหารหรือตัวอย่างอื่นๆ โดยใช้ถุงกรองเป็นตัวกลางในการแยกไขมันออกจากตัวอย่าง หลักการคือการนำตัวอย่างที่ต้องการวิเคราะห์มาบรรจุในถุงกรอง จากนั้นนำถุงกรองไปสกัดในตัวทำละลายที่เหมาะสมเพื่อให้ไขมันละลายออกมา หลังจากนั้นนำถุงกรองไปอบแห้งและชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวนหาปริมาณไขมัน ส่วนของไขมันในสารละลายสามารถนำไปเข้ากระบวนการเพื่อทำการวิเคราะห์อื่นๆได้ โดยอาศัยเทคนิคเพิ่มเติม

การวิเคราะห์ไขมันด้วยเทคนิคถุงกรอง (Filter bag) จะอ้างอิงตามมาตรฐาน AOCS Am 5-04 ซึ่งเป็น Primary Method อีกมาตรฐานหนึ่ง ซึ่งเทียบเท่ากับมาจรฐาน AOAC และ ISO ซึ่งสามารถใช้ในการสอบเทียบเทคนิค NIR และเทคนิคที่เป็น Secondary method อื่นๆได้

ขั้นตอนการวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง:
จุดเด่นของเครื่องวิเคราะห์ไขมันด้วยเทคนิคถุงกรอง

ความสะดวก:
ใช้งานง่าย สะดวกในการเตรียมตัวอย่างและทำความสะอาด

ประหยัด:
ใช้ตัวทำละลายในปริมาณที่น้อยกว่าวิธีอื่นๆ (350 มิลลิลิตรต่อ 15 ตัวอย่าง) และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างน้ำ 97% ในแต่ละรอบ

ความแม่นยำ:
ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ

ความสามารถในการวิเคราะห์ตัวอย่างจำนวนมาก:
 สามารถรองรับการวิเคราะห์ตัวอย่างได้ 15 ตัวอย่างพร้อมกัน

ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม:
 การทำงานระบบปิดปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และมีระบบ safety

ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
ใช้ตัวทำละลายน้อยลดปัญหาการกำจัดของเสียเคมี

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการวิเคราะห์

  1. ใช้เวลาการสกัดไม่นานพอ
  2. อบตัวอย่างไม่แห้งหลังจากการสกัด
  3. ไขมันเคลื่อนออกจากถุงระหว่างขั้นตอนก่อนการทำให้แห้ง
  4. สารดูดความชื้นไม่ได้ถูกใช้หรือใช้ไม่ถูกต้องในระหว่างขั้นตอนการทำให้แห้งหลัง
  5. น้ำไม่ได้เปิดหรือมิเตอร์วัดการไหลถูกปิด
  6. มีตัวอย่างมากเกินไปในถุง หรือใส่ถุงเกินจำนวนที่กำหนด
  7. การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์ในระยะก่อนการสกัด 
  8. ถุง XT4 ไม่ได้ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ตัวอย่างหลุดออกจากถุงและนำไปคำนวณสำหรับการสูญเสียไขมัน
  9. ถุง XT4 ปนเปื้อนไขมันจากตัวอย่างอื่น

วิธีลดปัจจัยที่ส่งผลให้การวิเคราะห์ผิดหลาด

  1. ตั้งเวลาในการสกัดให้เหมาะสม
  2. การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์ในระยะก่อนการสกัด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ได้ปริมาณไขมันดิบสูง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำจัดความชื้นทั้งหมดในตัวอย่างออกก่อนการสกัด เนื่องจากเทคนิค ANKOM ใช้การวิเคราะห์ปริมาณไขมัน (ไขมันตามน้ำหนักที่สูญเสียไป) โดยวิธีทางอ้อม เราขอแนะนำให้ทำการวิเคราะห์ปริมาณความชื้น (วัตถุแห้ง) ของตัวอย่างที่ตรวจสอบภายในเป็นประจำ (3 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 100-105 องศาเซลเซียส) เพื่อให้แน่ใจว่าการอบแห้งเสร็จสมบูรณ์ การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์อาจเกิดจากการใช้ถุงดูดความชื้นไม่ถูกต้อง การตั้งค่าอุณหภูมิเตาอบไม่ถูกต้อง จุดร้อนหรือเย็นในเตาอบ หรือเตาอบบรรจุตัวอย่างหรือภาชนะแก้วอื่นมากเกินไป
  3. ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับตัวอย่างชนิดน้ำมัน หรือตัวอย่างที่มีปริมาณไขมนสูง (รายละเอียดตามคู่มือผู้ใช้งาน)
  4. ใช้ถุงดุดความชื้นของ Ankom และตรวจสอบประสิทธิภาพสารดูดความชื้นก่อนใช้งาน
  5. เปิดเครื่องทำระบบหล่อเย็นและตัวเช็คก่อนใช้งาน
  6. ชั่งตัวอย่างในปริมาณที่เหมาะสม (ศึกาาจากคู่มือผู้ใช้งาน)
  7. ทำการอบแห้งตัวอย่างตามคู่มือผู้ใช้งาน
  8. ตรวจเช็คการซีลถุง XT4 เพื่อให้มั่นใจว่าปิดสนิทและแน่หนา
  9. ระมัดระวังการปนเปื้อนไขมันจากตัวอย่างอื่นในขั้นตอนเตรียมและชั่งตัวอย่าง

การวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรองเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ปริมาณไขมันในตัวอย่างต่างๆ มีการทำงานที่ง่ายสะดวกและปลอดภัย สามารถวิเคราะห์ตัวอย่างได้ครั้งละมากๆทำให้ลดเวลาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ตัวทำละลายปริมาณน้อยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนการกำจัดสารเคมี

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

บทความโดย : ปัญจรุจน์ ตันติธนัยพงษ์ : ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์

บริษัท ไซเอนซ์ บียอนด์ จำกัด


Related Content
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy