การวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง (Filter bag)
การวิเคราะห์ปริมาณไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง (filter bag) เป็นวิธีการที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเพื่อสกัดและวัดปริมาณไขมันในตัวอย่างอาหารหรือตัวอย่างอื่นๆ โดยใช้ถุงกรองเป็นตัวกลางในการแยกไขมันออกจากตัวอย่าง หลักการคือการนำตัวอย่างที่ต้องการวิเคราะห์มาบรรจุในถุงกรอง จากนั้นนำถุงกรองไปสกัดในตัวทำละลายที่เหมาะสมเพื่อให้ไขมันละลายออกมา หลังจากนั้นนำถุงกรองไปอบแห้งและชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวนหาปริมาณไขมัน ส่วนของไขมันในสารละลายสามารถนำไปเข้ากระบวนการเพื่อทำการวิเคราะห์อื่นๆได้ โดยอาศัยเทคนิคเพิ่มเติม
การวิเคราะห์ไขมันด้วยเทคนิคถุงกรอง (Filter bag) จะอ้างอิงตามมาตรฐาน AOCS Am 5-04 ซึ่งเป็น Primary Method อีกมาตรฐานหนึ่ง ซึ่งเทียบเท่ากับมาจรฐาน AOAC และ ISO ซึ่งสามารถใช้ในการสอบเทียบเทคนิค NIR และเทคนิคที่เป็น Secondary method อื่นๆได้
ขั้นตอนการวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรอง:จุดเด่นของเครื่องวิเคราะห์ไขมันด้วยเทคนิคถุงกรอง
ความสะดวก:
ใช้งานง่าย สะดวกในการเตรียมตัวอย่างและทำความสะอาด
ประหยัด:
ใช้ตัวทำละลายในปริมาณที่น้อยกว่าวิธีอื่นๆ (350 มิลลิลิตรต่อ 15 ตัวอย่าง) และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างน้ำ 97% ในแต่ละรอบ
ความแม่นยำ:
ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ
ความสามารถในการวิเคราะห์ตัวอย่างจำนวนมาก:
สามารถรองรับการวิเคราะห์ตัวอย่างได้ 15 ตัวอย่างพร้อมกัน
ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม:
การทำงานระบบปิดปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และมีระบบ safety
ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
ใช้ตัวทำละลายน้อยลดปัญหาการกำจัดของเสียเคมี
ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการวิเคราะห์
- ใช้เวลาการสกัดไม่นานพอ
- อบตัวอย่างไม่แห้งหลังจากการสกัด
- ไขมันเคลื่อนออกจากถุงระหว่างขั้นตอนก่อนการทำให้แห้ง
- สารดูดความชื้นไม่ได้ถูกใช้หรือใช้ไม่ถูกต้องในระหว่างขั้นตอนการทำให้แห้งหลัง
- น้ำไม่ได้เปิดหรือมิเตอร์วัดการไหลถูกปิด
- มีตัวอย่างมากเกินไปในถุง หรือใส่ถุงเกินจำนวนที่กำหนด
- การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์ในระยะก่อนการสกัด
- ถุง XT4 ไม่ได้ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ตัวอย่างหลุดออกจากถุงและนำไปคำนวณสำหรับการสูญเสียไขมัน
- ถุง XT4 ปนเปื้อนไขมันจากตัวอย่างอื่น
วิธีลดปัจจัยที่ส่งผลให้การวิเคราะห์ผิดหลาด
- ตั้งเวลาในการสกัดให้เหมาะสม
- การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์ในระยะก่อนการสกัด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ได้ปริมาณไขมันดิบสูง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำจัดความชื้นทั้งหมดในตัวอย่างออกก่อนการสกัด เนื่องจากเทคนิค ANKOM ใช้การวิเคราะห์ปริมาณไขมัน (ไขมันตามน้ำหนักที่สูญเสียไป) โดยวิธีทางอ้อม เราขอแนะนำให้ทำการวิเคราะห์ปริมาณความชื้น (วัตถุแห้ง) ของตัวอย่างที่ตรวจสอบภายในเป็นประจำ (3 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 100-105 องศาเซลเซียส) เพื่อให้แน่ใจว่าการอบแห้งเสร็จสมบูรณ์ การอบแห้งที่ไม่สมบูรณ์อาจเกิดจากการใช้ถุงดูดความชื้นไม่ถูกต้อง การตั้งค่าอุณหภูมิเตาอบไม่ถูกต้อง จุดร้อนหรือเย็นในเตาอบ หรือเตาอบบรรจุตัวอย่างหรือภาชนะแก้วอื่นมากเกินไป
- ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับตัวอย่างชนิดน้ำมัน หรือตัวอย่างที่มีปริมาณไขมนสูง (รายละเอียดตามคู่มือผู้ใช้งาน)
- ใช้ถุงดุดความชื้นของ Ankom และตรวจสอบประสิทธิภาพสารดูดความชื้นก่อนใช้งาน
- เปิดเครื่องทำระบบหล่อเย็นและตัวเช็คก่อนใช้งาน
- ชั่งตัวอย่างในปริมาณที่เหมาะสม (ศึกาาจากคู่มือผู้ใช้งาน)
- ทำการอบแห้งตัวอย่างตามคู่มือผู้ใช้งาน
- ตรวจเช็คการซีลถุง XT4 เพื่อให้มั่นใจว่าปิดสนิทและแน่หนา
- ระมัดระวังการปนเปื้อนไขมันจากตัวอย่างอื่นในขั้นตอนเตรียมและชั่งตัวอย่าง
การวิเคราะห์ไขมันโดยใช้เทคนิคถุงกรองเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ปริมาณไขมันในตัวอย่างต่างๆ มีการทำงานที่ง่ายสะดวกและปลอดภัย สามารถวิเคราะห์ตัวอย่างได้ครั้งละมากๆทำให้ลดเวลาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ตัวทำละลายปริมาณน้อยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนการกำจัดสารเคมี
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความโดย : ปัญจรุจน์ ตันติธนัยพงษ์ : ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์
บริษัท ไซเอนซ์ บียอนด์ จำกัด